แบบฝึกหัดบทที่ 2
1.นิยามความหมายและยกตัวอย่างของระบบสารสนเทศเพื่อกรจัดการ
ตอบ ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (Management Information System) หรือ MIS หมายถึงระบบที่รวบรวมและจัดเก็บข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์การอย่างมีหลักเกณฑ์ เพื่อนำมาประมวลผลและจัดรูปแบบให้ได้สารสนเทศที่ช่วยสนับสนุนการทำงาน และการตัดสินใจในด้านต่าง ๆ ของผู้บริหาร
2.ข้อมูลและสารสนเทศมีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
ตอบ ข้อมูล (Data) หมายถึงข้อมูลดิบ (Raw Data) ที่ถูกเก็บรวบรวมจากแหล่งต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์กร ส่วนสารสนเทศ (Information) หมายถึงผลลัพธ์ที่เกิดจากการประมวลผลข้อมูลดิบที่ถูกจัดเก็บไว้อย่างเป็นระบบ แต่อย่างไรก็ดี ข้อมูลและสารสนเทศสามารถใช้ทดแทนกันในหลายโอกาส แต่บางครั้งอาจมีความหมายที่แตกต่างกันมาก เนื่องจากความเจาะจงในการใช้งาน
3.สารสนเทศที่ดีควรมีคุณสมบัติอย่างไร
ตอบ การพัฒนาระบบสารสนเทศต้องคำนึงถึงคุณสมบัติสำคัญของ MIS ดังต่อไปนี้
1.ความสารถในการจัดการข้อมูล (Data Manipulation)
2.ความปลอดภัยของข้อมูล (Data Security)
3.ความยืดหยุ่น (Flexibility)
4.ความพอใจของผู้ใช้งาน (User Satisfaction)
4.ระบบสารสนเพทศเพื่อการจัดการมีประโยชน์ต่อการประกอบธุรกิจอย่างไร
ตอบ ประโยชน์ของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการมีดังนี้
1.ช่วยให้ผู้ใช้สารมารถเข้าถึงสารสนเทศที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์
2.ช่วยผู้ใช้ในการกำหนดเป้าหมายกลยุทธ์และการวางแผนปฏิบัติการ
3.ช่วยผู้ใช้ในการตรวจสอบผลการดำเนินงาน
4.ช่วยผู้ใช้ในการศึกษาและวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา
5.ช่วยให้ผู้ใช้มารถวิเคราะห์ปัญหาหรืออุปสรรคที่เกิดขึ้น
6.ช่วยลดค่าใช้จ่าย ระบบสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้ธุรกิจลดเวลา แรงงานและค่าใช้จ่ายในการทำงาน
5.ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการที่มีประสิทธิภาพต้องประกอบด้วยคุณสมบัติอะไรบ้าง
ตอบระบบสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพจะจัดระบบสารสนเทศในองค์การให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ ซึ่งจะทำให้การปฏิบัติงานและการแก้ปัญหาสะดวก รวดเร็ว และถูกต้อง
6.บุคคลที่เกี่ยวข้องกับระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการมีกี่ระดับ อะไรบ้าง
ตอบ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการมี 3 ระดับ ดังต่อไปนี้
1.หัวหน้างานระดับต้น (First-Line Supervisor หรือ Operation Manager)
2.ผู้จัดการระดับกลาง (Middle Manager)
เป็นบุคคลที่ทำหน้าที่ควบคุมการประสานงานระกว่างหัวหน้างานระดับปฏิบัติการและผู้บริหารระดับสูง
3.ผู้บริหารระดับสูง (Executive หรือ Top Manager) เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำการกำหนดวิสัยทัศน์ ทิศทาง วางนโยบาย และแผนงานระยะยางขององค์การ
7.จงอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างการใช้งานระบบสารสนเทศและระดับของผู้บริหารในองค์การ
ตอบ แสดงความสัมพันธ์ของระบบสารสนเทศกับระดับผู้บริหาร
ลักษณะของระบบ
|
ระดับของผู้ใช้
|
||
ผู้จัดการระดับปฏิบัติการ
|
ผู้จัดการระดับกลาง
|
ผู้จัดการระดับสูง
|
|
-ที่มาของสารสนเทศ
|
-ภายใน
|
-ภายใน
|
-ทั้งภายในและภายนอก
|
-วัตถุประสงค์ของการใช้สารสนเทศ
|
-ปฏิบัติงาน
|
-ควบคุมผลปฏิบัติงาน
|
-วางแผน
|
-ความถี่ของการใช้สารสนเทศ
|
-สูง
|
-ปานกลาง
|
-ไม่แน่นอน
|
-ขอบเขตของสารสนเทศ
|
-แคบแต่ชัดเจน
|
-ค่อนข้างกว้าง
|
-กว้าง
|
-ความละเอียดของสารสนเทศ
|
-มาก
|
-สรุปกว้างๆ
|
-สรุปชัดเจน
|
-การายงานเหตุการณ์
|
-ที่เกิดขึ้นแล้ว
|
-เกิดแล้ว/กำลังจะเกิด
|
-อนาคต
|
-ความถูกต้องของสารสนเทศ
|
-สูง
|
-ปานกลาง
|
-ตามความเหมาะสม
|
8.ผู้บริหารควรมีบทบาทต่อการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศขององค์การอย่างไร
ตอบ ผู้บริหารควรมีบทบาทต่อการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศขององค์การดังนี้
1.การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการสร้างประสิทธิภาพ และความพร้อมในการแข่งขันให้กับองค์การ
2.เข้าใจความต้องการของระบบและองค์การในสภาพแวดล้อมยุคโลกาภิวัตน์
3.ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพในการดำเนินงานทั่วทั้งองค์การ
4.มีส่วนร่วมในการออกแบบและการพัฒนาโครงสร้างระบบสารสนเทศรวมขององค์การ
5.บริหารและตัดสินใจในการสรรหาและคัดเลือกเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสารโทรคมนาคม
9.โครงสร้างของหน่วยงานสารสนเทศแบ่งออกเป็นกี่ส่วน อะไรบ้าง
ตอบ โครงสร้างของหน่วยงานสารสนเทศในองค์การจะแบ่งเป็น 3 ส่วนดังต่อไปนี้
1.หน่วยวิเคราะห์และออกแบบระบบ (System Analysis and Design Unit) มีหน้าที่ในการศึกษา วิเคราะห์ พัฒนา และวางระบบงานคอมพิวเตอร์และสารสนเทศให้เหมาะสม
2.หน่วยเขียนชุดคำสั่ง (Programming Unit)มีหน้าที่นำระบบงานที่ได้รับการออกแบบหรือความต้องการเกี่ยวกับชุดคำสั่งคอมพิวเตอร์ จากหน่วยงานอื่นมาทำการเขียนหรือพัฒนาชุดคำสั่ง
3.หน่วยปฏิบัติการและบริการ (Operations and Services Unit) ทำหน้าที่ควบคุมและจัดการให้เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สนับสนุน สามารถทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
10.บุคลากรของหน่วยงานสารสนเทศแบ่งออกเป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง
ตอบ บุคคลการของหน่วยงานสารสนเทศแบ่งออกเป็น 7 ประเภทดังนี้
1.หัวหน้าพนักงานสารสนเทศ (Chief Information Officer ) หรือที่นิยมเรียกว่า CIO เป็นบุคลากรระดับสูงขององค์การ
2.นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ (System Analysis and Design) หรือที่นิยมเรียกว่า SA มีหน้าที่วิเคราะห์และออกแบบระบบงานในระดับต่าง ๆ
3.ผู้เขียนชุดคำสั่ง (Programmer) เป็นบุคคลที่ทำหน้าที่เขียนชุดคำสั่ง เพื่อควบคุมและสั่งงานให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการ
4.ผู้ควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์ (Computer Operator) ทำหน้าที่ดูแลและควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์
5.ผู้จัดตารางเวลา (Scheduler) ทำหน้าที่จัดตารางเวลาการใช้คอมพิวเตอร์ให้กับงานแต่ละชนิดภายในห้องคอมพิวเตอร์
6.พนักงานจัดเก็บและรักษา (Librarian) เป็นบุคคลที่ทำหน้าที่เก็บรักษาและจัดทำรายการของอุปกรณ์
7.พนักงานจัดเตรียมข้อมูล (Data Entry Operator) ทำหน้าที่ในการนำข้อมูลจากเอกสารเบื้องต้น มาจัดให้อยู่ในรูปแบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทำความเข้าใจได้
11.เพราะเหตุใดผู้ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศจะต้องตระหนักและให้ความสำคัญกับจริยธรรมและจรรยาบรรณ
ตอบ เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) หรือที่เรียกว่า IT ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม อีกทั้ง IT มีอิทธิพลอย่างมากในเรื่องการกระจายอำนาจ ทรัพย์สิน สิทธิและความรับผิดชอบ การพัฒนา IT ทำให้เกิดผู้แพ้ ผู้ชนะ ผู้ได้ประโยชน์ หรือผู้เสียประโยชน์ จะเห็นว่าระบบข้อมูลสารสนเทศนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการดูแลรักษาความปลอดภัยของข้อมูล รวมทั้งสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง โดยแผนกหรือฝ่ายสารสนเทศเพื่อการจัดการจะมีนโยบายที่แน่นอนในการจัดการข้อมูลให้เกิดความปลอดภัย ใช้อย่างถูกต้องและเป็นประโยชน์ จึงเป็นสิ่งสำคัญของผู้ทำงานและผู้ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่จะต้องตระหนักและให้ความสำคัญ
12.จงอธิบายตัวอย่างผลกระทบทางบวกและทางลบของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ตอบ ผลกระทบทางบวกมีดังนี้
1.เพิ่มความสะดวกสบายในการสื่อสาร การบริหาร และการผลิต
2.เกิดสังคมแห่งการสื่อสารและสังคมโลก
3.มีระบบผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ ในฐานข้อมูลความรู้
4.เทคโนโลยีสารสนเทศสร้างโอกาสให้คนพิการ หรือผู้ด้อยโอกาสจากการพิการทางร่างกาย
5.พัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยเกิดการศึกษาในรูปแบบใหม่
6.การทำงานเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
7.ผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากการบริโภคสินค้าที่หลากหลายและมีคุณภาพดีขึ้น
ผลกระทบทางลบมีดังนี้
1.ก่อให้เกิดความเครียดขึ้นในสังคม
2.ก่อให้เกิดความการรับวัฒนธรรมหรือแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของคนในสังคมโลก
3.ก่อให้เกิดผลด้านศีลธรรม
4.การมีส่วนร่วมของคนในสังคมลดน้อยลง
5.การละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล
6.เกิดช่องว่างทางสังคม
7.เกิดการต่อต้านเทคโนโลยี
8.อาชญากรรมบนเครือข่าย
9.ก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น