4.ระบบการผลิต
ในการผลิตโดยทั่วไป จะประกอบไปด้วย 3 ส่วนด้วยกัน คือ ปัจจัยการผลิต (input) ได้แก่ คน (man) วัตถุดิบ (materials) เครื่องจักร (machines) พลังงาน (energy) เงิน (money) ข่าวสารข้อมูล (information) ส่วนกระบวนการผลิต (process) ได้แก่ การเตรียมวัตถุดิบต่าง ๆ การนำส่วนประกอบต่าง ๆ เข้าด้วยกันการสร้างรูปทรง การตกแต่ง รูปทรงตลอดทั้งการบรรจุผลิตภัณฑ์เพื่อการจำหน่าย และส่วนที่เป็นผลผลิต (output) ได้แก่ ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป (products) ซึ่งผลผลิตจะออกมาในรูปของสินค้าหรือบริการ ซึ่งรวมเรียกว่า ระบบการผลิต
ระบบการผลิต
การผลิตเป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดการสร้างสิ่งหนึ่งสิ่งใดขึ้นมาจากการใช้ทรัพยากรหรือปัจจัยการผลิตที่มีอยู่ การดำเนินการผลิตจะเป็นไปตามลำดับขั้นตอนของการกระทำก่อนหลัง กล่าวคือ จากวัตถุดิบที่มีอยู่จะถูกแปลงสภาพให้เป็นผลผลิตที่อยู่ในรูปตามต้องการ เพื่อให้การผลิตบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวนั้น จึงจำเป็นต้องมีการจัดการให้อยู่ในรูปของระบบการผลิต ซึ่งประกอบด้วยส่วนที่สำคัญ 3 ส่วน คือ ปัจจัยการผลิต (input) กระบวนการแปลงสภาพ (conversion process) และผลผลิต (output) ที่อาจเป็นสินค้า และบริการ
การผลิตที่มีประสิทธิภาพนั้น จะต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านปริมาณ คุณภาพ เวลา และราคา ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องนำมารวมไว้ในระบบการผลิต โดยมีการวางแผนและควบคุมการผลิตเป็นแกนกลาง กิจกรรมต่าง ๆ ที่อยู่ในระบบการผลิตนั้นสามารถจำแนกได้เป็น 3 ขั้นตอน คือ การวางแผน (planning) การดำเนินงาน (operation) และการควบคุม (control)
1. การวางแผน เป็นขั้นตอนของการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่ และวางแผนการใช้ทรัพยากรให้ตรงตามเป้าหมายที่ต้องการ และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ในแผนการผลิตจะกำหนดเป้าหมายย่อยไว้ในแผนกต่าง ๆ ในเทอมของเวลาที่กำหนดไว้ก่อนล่วงหน้า และจากเป้าหมายย่อย ๆ ที่ถูกกำหนดขึ้นเหล่านี้ ถ้าประสบผลสำเร็จก็จะส่งผลไปยังเป้าหมายที่ต้องการ
2. การดำเนินงาน เป็นขั้นตอนของการดำเนินการ จะเริ่มต้นได้ก็ต่อเมื่อรายละเอียดต่าง ๆ ในขั้นตอนการวางแผนได้ถูกกำหนดไว้ในแผนการผลิตเรียบร้อยแล้ว
3. การควบคุม เป็นขั้นตอนของการตรวจตราให้คำแนะนำและติดตามผลเกี่ยวกับการดำเนินงาน โดยใช้การป้อนกลับของข้อมูล (feed back information) ในทุก ๆ ขณะที่งานก้าวหน้าไป ผ่านกลไกการควบคุม (control mechanism) โดยที่กลไกนี้จะทำหน้าที่ปรับปรุงแผนงาน และเป้าหมายเพื่อให้เป็นที่เชื่อแน่ได้ว่าจะบรรลุเป้าหมายหลัก
ระบบการผลิตและการปฏิบัติการ
ระบบการผลิตและการปฏิบัติการ ประกอบด้วยองค์ประกอบที่สำคัญ 5 ส่วน ซึ่งได้แก่ ปัจจัยนำเข้า (input) กระบวนการผลิตและแปลงสภาพ (production or conversion process) ผลได้ (output) ส่วนป้อนกลับ (feedback) และผลกระทบจากภายนอกที่เปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้คาดหมาย (random fluctuations)
ปัจจัยนำเข้า คือส่วนของทรัพยากรหรือสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในการผลิตสินค้าหรือบริการ ซึ่งโดยทั่วไปประกอบด้วย เงินทุน แรงงาน เครื่องจักร ที่ดิน วัตถุดิบ และความรู้ความสามารถในด้านการจัดการกระบวนการผลิตและแปลงสภาพ คือส่วนที่ทำหน้าที่นำเอาปัจจัยนำเข้ามาผลิต และแปลงสภาพเพื่อให้ได้เป็นสินค้าหรือบริการตามที่ต้องการ กระบวนการผลิตหรือแปลงสภาพประกอบด้วย วิธีการในการผลิตสินค้า วิธีการจัดลำดับการผลิต การวางแผนการผลิต การจัดสรรกำลังคนเพื่อการผลิต และอื่น ๆ ส่วนป้อนกลับ คือส่วนที่ใช้ในการควบคุมการทำงานของกระบวนการ เพื่อให้การทำงานของระบบการผลิตบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่วนป้อนกลับนี้จะทำหน้าที่ประเมินผลได้ เช่น ปริมาณและคุณภาพของสินค้าที่ผลิตได้ นำมาเปรียบเทียบกับเป้าหมายที่วางแผนไว้ จากผลการเปรียบเทียบจะนำไปสู่การปรับปัจจัยนำเข้าหรือกระบวนการผลิตหรือแปลงสภาพ เพื่อสร้างผลได้ตามที่ต้องการออกมา
การเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้คาดหมาย ระบบการผลิตและการปฏิบัติการใด ๆ เมื่อดำเนินการอยู่อาจมีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้คาดหมายแต่มีผลกระทบต่อการดำเนินการ โดยทั่วไปการเปลี่ยนแปลงนี้จะมาจากภายนอกระบบหรือนอกองค์การ และอยู่นอกเหนืออำนาจการควบคุมของผู้บริหาร ตัวอย่างเช่น สภาพการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ อุบัติเหตุและภัยธรรมชาติ การขัดข้องเสียหายของเครื่องจักร เหล่านี้เป็นต้น
ประเภทของระบบการผลิต (division of production system)
ระบบการผลิตอุตสาหกรรม แบ่งออกเป็นระบบใหญ่ ๆ ได้ 2 ระบบ คือ
1. ระบบการผลิตแบบช่วงตอน (intermittent production system)
2. ระบบการผลิตแบบต่อเนื่อง (continuous production system)
ระบบการผลิตแบบช่วงตอน (intermittent production system)
ระบบการผลิตแบบช่วงตอน เป็นการผลิตแบบไม่สม่ำเสมอ หรือผลิตตามคำสั่งของลูกค้า (order manufacturing) เป็นการผลิตที่วัตถุดิบไม่เลื่อนไหลไปตามสายการผลิต การผลิตจะผลิตเป็นช่วง ๆ หรือเป็นตอน เมื่อดำเนินการผลิตครบทุกกิจกรรมการผลิต ก็จะได้ชิ้นงานหรือผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปขึ้นมา เช่น การกลึงชิ้นงาน งานผลิตงานก่อสร้าง การผลิตโต๊ะเกาอี้ เป็นต้น การผลิตแบบช่วงตอนนี้ ระบบการผลิตเป็นไปตามความเหมาะสมของผู้ดำเนินงานการติดตั้งเครื่องจักร ก็จะติดตั้งตามกรรมวิธีการผลิต จึงเป็นผลทำให้มีความต้องการการใช้พื้นที่ในการเก็บวัสดุในการผลิตมากขึ้น ทั้งนี้เพราะการผลิตระบบนี้มีจุดพักงานหลายจุดและในการผลิตแบบนี้ผู้ผลิตจะต้องกำหนดวิธีการขนย้ายวัสดุให้เหมาะสมจึงจะทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพและในการวางระบบการผลิตแบบช่วงตอนนี้จะก่อให้เกิดประสิทธิภาพนี้ผู้ผลิตจะต้องกำหนดแนวทางการผังโรงงาน ให้สอดคล้องกับระบบการผลิตด้วย การวางผังโรงงานที่เหมาะสมกับระบบการผลิตแบบช่วงตอนนี้ คือ การวางผังโรงงานแบบตามกระบวนการผลิต (process layout)
ลักษณะการผลิตแบบช่วงตอน มีลักษณะดังนี้
1. มีอุปกรณ์และกระบวนการผลิตที่ยืดหยุ่น (flexible) ได้สามารถผลิตสินค้าได้หลายแบบ
2. ลักษณะของปัจจัยการผลิตจะเปลี่ยนแปลงไปเสมอตามลักษณะงานแต่ละชิ้น
3. ลักษณะการผลิต จะเปลี่ยนแปลงไปเสมอตามลักษณะงานแต่ละชิ้น
4. การไหลหรือการเคลื่อนย้ายของงานจะไม่ติดต่อกัน มักจะมีการพักวัตถุดิบหรือรอคอยวัตถุดิบการผลิตทุกจุดปฏิบัติงาน
5. คนงานที่ปฏิบัติงาน จะต้องมีความสามารถในระดับปานกลางไปจนถึงระดับสูง
ระบบการผลิตแบบต่อเนื่อง (continuous production system)
ระบบการผลิตแบบต่อเนื่อง เป็นระบบที่มีการไหลของวัตถุดิบต่อเนื่องตามสายการผลิต (line production) เช่น โรงพิมพ์ พิมพ์หนังสือ โรงงานผลิตอาหารกระป๋อง การผลิตแก้วของโรงงานผลิตแก้ว บุหรี่ ไม้อัด น้ำตาล เป็นต้น ลักษณะที่ดีของระบบการผลิตต่อเนื่องก็คือใช้พื้นที่ในโรงงานได้ประโยชน์คุ้มค่าเต็มประสิทธิภาพ เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ใช้เป็นพื้นที่ในกระบวนการผลิตของสายการผลิตเหลือพื้นที่ในการเก็บวุตถุดิบเล็กน้อย และการขนย้ายวัตถุดิบในสายการผลิต ก็จะใช้การขนย้ายแบบตายตัว เช่น ใช้สายพาน (conveyers) ขนย้ายวัตถุดิบในโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในระบบการผลิตแบบต่อเนื่อง ผู้ผลิตจะต้องวางผังโรงงานให้สอดคล้องกับระบบการผลิต ผังของโรงงานอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับระบบการผลิตแบบต่อเนื่องที่ใช้กันมากก็คือ การวางผังโรงงานแบบชนิดของผลิตภัณฑ์ (product layout)
ลักษณะการผลิตแบบต่อเนื่อง มีลักษณะการผลิตดังนี้
1. มีอุปกรณ์และกระบวนการผลิตมาตรฐาน
2. ลักษณะของปัจจัยการผลิต จะมีมาตรฐานแน่นอนไม่เปลี่ยนแปลงชนิดหรือส่วนประกอบ
3. ลำดับการผลิตแน่นอน
4. การไหลหรือการเคลื่อนย้ายของงานมักจะใช้สายพาน (conveyor belts)
5. การป้อนงานเข้าหน่วยผลิตแต่ละหน่วย จะใช้กฎเกณฑ์ตามลำดับมาก่อนเข้าก่อน
6. ผลิตสินค้ามาตรฐานได้ทีละมาก ๆ (mass production)
สรุป
ระบบการผลิตโดยทั่วไปจะประกอบด้วย องค์ประกอบ 3 องค์ประกอบ คือ (1) ปัจจัยการผลิต (input) ซึ่งได้แก่ คน วัตถุดิบ เครื่องมือ เครื่องจักร หลังงานและอื่น ๆ (2) กระบวนการผลิต (process) คือการนำวัตถุดิบมาเปลี่ยนรูปเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น การประกอบรถยนต์ การขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ การตกแต่ง เป็นต้น ก่อนที่จะออกมาเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ถือว่าเป็นกระบวนการผลิตทั้งหมด และ (3) ผลผลิต (output) ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านกระบวนการผลิตขั้นสุดท้ายและออกมาเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่เตรียมจำหน่าย เมื่อจะมีการผลิตสินค้าใดสินค้าหนึ่ง ผู้ผลิตก็จะนำองค์ประกอบของระบบการผลิตมาเข้าสู่ระบบการผลิต ซึ่งระบบการผลิตมีด้วยกัน 2 ระบบ คือ
1. ระบบการผลิตแบบช่วงตอน (intermittent production system) เป็นการผลิตที่ไม่เป็นไปตามสายการผลิตเมื่อมีการดำเนินการผลิตชิ้นส่วนครบทุกชิ้นส่วน ก็จะนำมาประกอบกันเป็นสินค้า
2. ระบบการผลิตแบบต่อเนื่อง (continuous production system) เป็นระบบที่มีการจัดระบบการผลิตไว้อย่างเป็นระบบการผลิตไว้อย่างเป็นระบบมีการผลิตตามขั้นตอนการผลิต และจัดแผนการผลิตไว้เป็นลำดับ ตั้งแต่เริ่มต้น จนสิ้นสุดสำเร็จออกมาเป็นสินค้าสำเร็จรูป (products) ในการที่ดำเนินกิจกรรมการผลิต ตั้งแต่เริ่มจนสำเร็จออกมาเป็นสินค้าสำเร็จรูปนั้น ถือว่าเป็นระบบการแปรสภาพวัตถุดิบในกระบวนการผลิตให้ออกมาเป็นสินค้าและบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการมนุษย์ ซึ่งมีด้วยกัน 3 ลักษณะ คือ
2.1 การแปรสภาพการผลิตแบบต่อเนื่อง
2.2 การแปรสภาพการผลิตแบบขนาน
2.3 การแปรสภาพการผลิตแบบผสม
การแปรสภาพการผลิตแบบต่อเนื่อง เป็นการผลิตที่มีสายการผลิตสายเดียว จากวัตถุดิบผ่านเข้าสู่กระบวนการผลิตขั้นที่ 1 ขั้นที่ 2 ขั้นที่ 3 ไปจนสิ้นสุดกระบวนการผลิตขั้นสุดท้าย ก็จะสำเร็จออกมาเป็นสินค้าสำเร็จรูปการแปรสภาพการผลิตแบบขนาน เป็นการแปรสภาพการผลิตแบบต่อเนื่องอย่างหนึ่ง แต่มีสายการผลิตมากกว่าหนึ่งสาย และก่อนที่จะสำเร็จออกมาเป็นสินค้าสำเร็จรูปนั้น ก็จะนำวัตถุดิบของแต่ละสายการผลิตมาประกอบกันเป็นสินค้าสำเร็จรูปการแปรสภาพแบบผสม เป็นการผลิตที่ใช้ทั้งระบบการผลิตแบบอนุกรม และแบบขนานในการผลิตสินค้า โดยในบางช่วงของการผลิตจะใช้การผลิตแบบต่อเนื่องกันไป และในบางช่วงของการผลิตก็อาจจะผลิตแบบขนาน หรือสายการผลิตหลากหลายผลิต แล้วนำมาประกอบกันทีหลังก่อนสำเร็จเป็นสินค้าสำเร็จรูป
3. การจัดทำสายการผลิตให้สมดุลย์ (assembly line balancing) จุดมุ่งหมายของการทำสายการผลิตให้สมดุลย์เพื่อจับกลุ่มงานเข้าด้วยกัน และคำนึงถึงเวลาที่ต้องใช้ ณ จุดนั้น ๆ จะเป็นการลดเวลาที่สูญเปล่า (idle time) ในสายการผลิตลงได้ และจะเป็นการใช้ประโยชน์จากแรงงาน และเครื่องมือให้เกิดประโยชน์สูงสุด การทำสายการผลิตให้สมดุลย์นี้จะมีอุปสรรคในกรณีที่เราไม่สามารถจะรวมกิจกรรมการผลิตในขั้นตอนต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน เพราะว่าในการผลิตแต่ละขั้นตอนจะใช้เครื่องมือ หรืออุปกรณ์ที่แตกต่างกัน และระยะเวลาการผลิตในแต่ละขั้นตอนก็ใช้เวลาต่างกัน อีกทั้งเทคโนโลยีที่ใช้ก็ต่างกันด้วย
ระบบการผลิตโดยทั่วไปจะประกอบด้วย องค์ประกอบ 3 องค์ประกอบ คือ (1) ปัจจัยการผลิต (input) ซึ่งได้แก่ คน วัตถุดิบ เครื่องมือ เครื่องจักร หลังงานและอื่น ๆ (2) กระบวนการผลิต (process) คือการนำวัตถุดิบมาเปลี่ยนรูปเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น การประกอบรถยนต์ การขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ การตกแต่ง เป็นต้น ก่อนที่จะออกมาเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ถือว่าเป็นกระบวนการผลิตทั้งหมด และ (3) ผลผลิต (output) ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านกระบวนการผลิตขั้นสุดท้ายและออกมาเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่เตรียมจำหน่าย เมื่อจะมีการผลิตสินค้าใดสินค้าหนึ่ง ผู้ผลิตก็จะนำองค์ประกอบของระบบการผลิตมาเข้าสู่ระบบการผลิต ซึ่งระบบการผลิตมีด้วยกัน 2 ระบบ คือ
1. ระบบการผลิตแบบช่วงตอน (intermittent production system) เป็นการผลิตที่ไม่เป็นไปตามสายการผลิตเมื่อมีการดำเนินการผลิตชิ้นส่วนครบทุกชิ้นส่วน ก็จะนำมาประกอบกันเป็นสินค้า
2. ระบบการผลิตแบบต่อเนื่อง (continuous production system) เป็นระบบที่มีการจัดระบบการผลิตไว้อย่างเป็นระบบการผลิตไว้อย่างเป็นระบบมีการผลิตตามขั้นตอนการผลิต และจัดแผนการผลิตไว้เป็นลำดับ ตั้งแต่เริ่มต้น จนสิ้นสุดสำเร็จออกมาเป็นสินค้าสำเร็จรูป (products) ในการที่ดำเนินกิจกรรมการผลิต ตั้งแต่เริ่มจนสำเร็จออกมาเป็นสินค้าสำเร็จรูปนั้น ถือว่าเป็นระบบการแปรสภาพวัตถุดิบในกระบวนการผลิตให้ออกมาเป็นสินค้าและบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการมนุษย์ ซึ่งมีด้วยกัน 3 ลักษณะ คือ
2.1 การแปรสภาพการผลิตแบบต่อเนื่อง
2.2 การแปรสภาพการผลิตแบบขนาน
2.3 การแปรสภาพการผลิตแบบผสม
การแปรสภาพการผลิตแบบต่อเนื่อง เป็นการผลิตที่มีสายการผลิตสายเดียว จากวัตถุดิบผ่านเข้าสู่กระบวนการผลิตขั้นที่ 1 ขั้นที่ 2 ขั้นที่ 3 ไปจนสิ้นสุดกระบวนการผลิตขั้นสุดท้าย ก็จะสำเร็จออกมาเป็นสินค้าสำเร็จรูปการแปรสภาพการผลิตแบบขนาน เป็นการแปรสภาพการผลิตแบบต่อเนื่องอย่างหนึ่ง แต่มีสายการผลิตมากกว่าหนึ่งสาย และก่อนที่จะสำเร็จออกมาเป็นสินค้าสำเร็จรูปนั้น ก็จะนำวัตถุดิบของแต่ละสายการผลิตมาประกอบกันเป็นสินค้าสำเร็จรูปการแปรสภาพแบบผสม เป็นการผลิตที่ใช้ทั้งระบบการผลิตแบบอนุกรม และแบบขนานในการผลิตสินค้า โดยในบางช่วงของการผลิตจะใช้การผลิตแบบต่อเนื่องกันไป และในบางช่วงของการผลิตก็อาจจะผลิตแบบขนาน หรือสายการผลิตหลากหลายผลิต แล้วนำมาประกอบกันทีหลังก่อนสำเร็จเป็นสินค้าสำเร็จรูป
3. การจัดทำสายการผลิตให้สมดุลย์ (assembly line balancing) จุดมุ่งหมายของการทำสายการผลิตให้สมดุลย์เพื่อจับกลุ่มงานเข้าด้วยกัน และคำนึงถึงเวลาที่ต้องใช้ ณ จุดนั้น ๆ จะเป็นการลดเวลาที่สูญเปล่า (idle time) ในสายการผลิตลงได้ และจะเป็นการใช้ประโยชน์จากแรงงาน และเครื่องมือให้เกิดประโยชน์สูงสุด การทำสายการผลิตให้สมดุลย์นี้จะมีอุปสรรคในกรณีที่เราไม่สามารถจะรวมกิจกรรมการผลิตในขั้นตอนต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน เพราะว่าในการผลิตแต่ละขั้นตอนจะใช้เครื่องมือ หรืออุปกรณ์ที่แตกต่างกัน และระยะเวลาการผลิตในแต่ละขั้นตอนก็ใช้เวลาต่างกัน อีกทั้งเทคโนโลยีที่ใช้ก็ต่างกันด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น